Published by noiseo at กันยายน 4, 2025 กระบวนการทดสอบวัสดุเป็นขั้นตอนสำคัญที่สะท้อนคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการขยายตลาดที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาจไม่คาดคิด โดยการทดสอบวัสดุช่วยลดความเสี่ยงของสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือจำเป็นต้องมีการปรับปรุง เพื่อสร้างมาตรฐานที่จำเป็น จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค่า หรือลูกค้าได้ ทำให้ Als Testing ตรวจสอบมาตรฐานกับสถานที่ทดสอบที่มีประสบการณ์และความชำนาญ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลกได้
ประเภทวัสดุที่ Als Testing มีความชำนาญในการทดสอบ
ความเชื่อมั่นจากการทดสอบวัสดุไม่เพียงแค่ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ แต่รวมถึงความเป็นมืออาชีพ รูปแบบการทดสอบ และการบริการจากสถานที่ทดสอบ ซึ่ง Als Testing เป็นหนึ่งในแล็บชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีสาขามากกว่า 70 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ทำให้การทดดสอบวัสดุเหล่านี้ จากแล็บชั้นนำเกิดขึ้นได้จริงกับธุรกิจไทย
1. โลหะและสารเคลือบผิว (Metals & Coatings)
ทดสอบความต้านทานการกัดกร่อน เช่น Salt Spray Test CASS ( การจำลองการกัดกร่อน โดยใช้สารเคมีพิเศษในการเร่งปฏิกิริยา)
ตรวจความแข็ง , tensile, compression, impact
วิเคราะห์โครงสร้าง ผลึก และสารประกอบในโลหะ (SEM/EDX, XRD, XRF)
2. พลาสติก/โพลิเมอร์และวัสดุเคมี
วิเคราะห์สารประกอบอินทรีย์ เช่น พอลิเมอร์ด้วย FT‑IR
ทดสอบการเสื่อมสภาพของพลาสติกเมื่อสัมผัสรังสี (Xenon Arc Test)
ตรวจสารเคมีที่ปลดปล่อย (migration testing) จากบรรจุภัณฑ์หรืออุปกรณ์ทางเภสัชและอาหาร
3. อะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ & เซมิคอนดักเตอร์
วิเคราะห์ความผิดปกติของ PCB, PCBA และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Cross‑section analysis, failure analysis)
ตรวจฝุ่นและความสะอาดของชิ้นส่วน (LPC, VDA19/ISO16232)
ตรวจหาโอปอปธาตุและสิ่งแปลกปลอม (SEM/EDX, GC‑MS, HPLC, IC)
4. วัสดุก่อสร้าง & สิ่งแวดล้อม
วิเคราะห์สารปนเปื้อนในวัสดุก่อสร้าง เช่น ซีเมนต์ เซรามิก สารกำจัดศัตรูพืช โลหะหนัก
การทดสอบวัสดุเหลือทิ้งและดินตามมาตรฐานสากล
5. เครื่องสำอาง อาหาร และเภสัชภัณฑ์
ทดสอบสารก่อภูมิแพ้, สารปนเปื้อน, เชื้อจุลินทรีย์
ตรวจความปลอดเชื้อในเภสัชภัณฑ์ ระดับจุลินทรีย์ที่ควรต่ำของธุรกิจเครื่องสำอางค์ และเชื้อโรคในอาหาร
เครื่องมือคุณภาพสำหรับการทดสอบวัสดุ
1.SEM/EDX สำหรับวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุและโครงสร้างวัสดุจุลภาค
เครื่องมือกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดผสานกับเทคนิควิเคราะห์องค์ประกอบธาตุด้วยรังสีเอกซ์ เพื่อตรวจสอบพื้นผิววัสดุในระดับจุลภาค ซึ่งสามารถแสดงภาพรายละเอียดของพื้นผิว รอยแตกร้าว หรือสิ่งแปลกปลอมในวัสดุได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งระบุชนิดของธาตุที่ปรากฏในบริเวณต่าง ๆ บนตัวอย่าง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ความเสียหาย และควบคุมคุณภาพของวัสดุที่มีความละเอียดสูง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โลหะชุบ
2.FT‑ IR, HPLC, GC‑MS, IC: วิเคราะห์เคมีทั้งอินทรีย์และอนินทรีย์
เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบองค์ประกอบของสารเคมีในวัสดุต่าง ๆ ทั้งในกลุ่มสารอินทรีย์ เช่น สารเคลือบ พลาสติก น้ำหอม หรือสารระเหย และกลุ่มสารอนินทรีย์ เช่น เกลือแร่ โลหะหนัก หรือไอออนต่าง ๆ
เหมาะสำหรับใช้ตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ วัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง ยา อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเฝ้าระวังสารอันตรายตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
3.XRD/XRF: วิเคราะห์โครงสร้างผลึก โลหะ และสารเคลือบ
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ใช้รังสีเอกซ์ในการตรวจสอบคุณสมบัติเชิงโครงสร้างและองค์ประกอบของวัสดุในเชิงลึก โดย XRD เหมาะสำหรับการระบุชนิดของผลึกในวัสดุต่าง ๆ เช่น แร่ เซรามิก หรือชั้นเคลือบบนผิวโลหะ รวมถึงการวิเคราะห์ความเครียดภายในชิ้นงานและขนาดผลึก ในขณะที่ XRF ใช้ตรวจวัดองค์ประกอบธาตุในวัสดุได้อย่างรวดเร็วและไม่ทำลายชิ้นงาน
4.Mechanical testing
ขั้นตอนสำคัญในการประเมินคุณสมบัติทางกลของวัสดุต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยหลายรูปแบบ
การทดสอบแรงดึง (Tensile Test) เพื่อวัดความต้านทานการดึงและความยืดหยุ่นของวัสดุ
การทดสอบความแข็ง(Hardness Test) ที่ช่วยบ่งชี้ความทนทานต่อการขูดขีดหรือการสึกหรอ
การทดสอบแรงกระแทก (Impact Test) เพื่อประเมินความสามารถในการดูดซับพลังงานจากแรงกระแทกโดยไม่แตกหัก
การทดสอบแรงอัด (Compression Test) เพื่อวัดความสามารถในการทนต่อแรงกดและการบีบอัด
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบที่จำลองสภาพแวดล้อมจริง เช่น การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิและความชื้นซ้ำ ๆ เพื่อประเมินความเสถียรของวัสดุเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือการใช้งานในระยะยาว
5.Environmental stress tests
การทดสอบความทนทานต่อสภาพแวดล้อมเป็นกระบวนการที่จำลองสภาวะที่วัสดุหรือผลิตภัณฑ์จะต้องเผชิญในโลกแห่งความจริง เพื่อประเมินความสามารถในการทนต่อการเสื่อมสภาพและความเสียหายจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความชื้น อุณหภูมิ และรังสี UV ตัวอย่างการทดสอบที่นิยมใช้ ได้แก่
การทดสอบพ่นไอเกลือ (Salt Spray Test) เพื่อจำลองสภาวะกัดกร่อนจากไอเกลือในพื้นที่ชายฝั่งทะเล
การทดสอบช็อกความร้อน (Thermal Shock Test) ที่ทำให้วัสดุเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เพื่อประเมินความต้านทานต่อการแตกร้าวหรือบิดงอ
การทดสอบด้วยรังสี UV หรือ Xenon Arc Exposure เพื่อจำลองการเสื่อมสภาพจากแสงแดดและสภาพอากาศภายนอก
ความจำเป็นในการทดสอบวัสดุสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายสู่ตลาดโลก
1.ตรวจสอบคุณภาพ
การทดสอบวัสดุช่วยให้มั่นใจว่าวัสดุที่ใช้ในการผลิตมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่วางไว้ เช่น ในกรณีของพลาสติก อาจต้องมีค่าความยืดหยุ่นหรือความทนแรงดึงที่เหมาะสม เพื่อให้รองรับแรงกระทำระหว่างการใช้งานได้โดยไม่เสียรูปหรือแตกร้าว
ขณะที่วัสดุประเภทโลหะก็ต้องมีค่าความแข็งแรงที่เพียงพอ ไม่เปราะหรือหักง่ายเมื่อรับน้ำหนักหรือแรงกระแทก ซึ่งการควบคุมคุณภาพด้วยการทดสอบเชิงเทคนิคเหล่านี้ เป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความเสี่ยงของปัญหาในกระบวนการผลิตและการใช้งานจริง
2.ประเมินความปลอดภัย
การทดสอบวัสดุเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนออกสู่ตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานจริง ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งทรัพย์สินและชีวิตผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น
การตรวจสอบแบตเตอรี่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลุกไหม้จากความร้อนสะสม หรือการทดสอบสายไฟว่ามีฉนวนที่สามารถรองรับกระแสไฟได้โดยไม่ละลาย รวมถึงการทดสอบความแข็งแรงของเครื่องมือแพทย์ที่ต้องทนต่อแรงกดหรือแรงดึงโดยไม่แตกหัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นมีความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด
3.การรับรองมาตรฐาน
ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การรับรองมาตรฐานสากลถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ต้องส่งออกหรือนำเข้าไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งมักมีข้อกำหนดด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด การทดสอบวัสดุจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบว่าสินค้าตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานสากลต่าง ๆ เช่น ISO, ASTM, RoHS หรือ REACH
ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าสามารถผ่านเกณฑ์ทางกฎหมายของประเทศปลายทาง และสามารถวางจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบในระดับโลก ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาของลูกค้าต่างประเทศ
4.การวิเคราะห์ความเสียหาย
เมื่อเกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะในขั้นตอนการผลิตหรือหลังออกสู่ตลาด การวิเคราะห์ความเสียหายจะช่วยระบุสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากข้อบกพร่องของวัสดุ การออกแบบที่ไม่เหมาะสม หรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ การตรวจสอบอย่างเป็นระบบด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมและการทดสอบวัสดุจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต
ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงในการเรียกคืนสินค้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดต้นทุนสูง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว
5. สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
การทดสอบวัสดุมีบทบาทสำคัญในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค โดยเฉพาะการตรวจหาสารอันตรายที่อาจแฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม หรือสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ซึ่งสารเหล่านี้สามารถสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดอันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
การตรวจสอบอย่างเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน และยังช่วยให้ธุรกิจสอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญในด้านความยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการอย่างมีจริยธรรม
ทดสอบวัสดุมาตรฐานโลกด้วยแล็บ Als Testing
การทดสอบวัสดุเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เพื่อเปิดประตูสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคง Als Testing ด้วยประสบการณ์และเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมให้บริการทดสอบวัสดุที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานสากล ช่วยให้ธุรกิจไทยลดความเสี่ยง ตอบโจทย์ข้อกำหนดต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า
เลือก Als Testing เป็นพาร์ทเนอร์ของคุณ เพื่อยกระดับมาตรฐานและขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างมั่นใจและยั่งยืน
อ่านเพิ่มเติม