• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการ
  • ข่าวสารและโปรโมชั่น
  • การรับรอง
  • กิจกรรมเพื่อสังคม
  • ติดต่อเรา
  • ผลการทดสอบ
  • EN
  • TH

วิเคราะห์ฝุ่น

  • หน้าแรก
  • บริการ การทดสอบ
  • วิเคราะห์ฝุ่น
การทดสอบ PCB
การทดสอบ PCB หรือการทดสอบแผงวงจร
มกราคม 15, 2025
กิจกรรม Outing 2025 ณ ไร่กุสุมารีสอร์ท สระบุรี
มกราคม 30, 2025

วิเคราะห์ฝุ่น

Published by noiseo at มกราคม 21, 2025
Categories
  • การทดสอบ
  • บริการ
Tags
  • วิเคราะห์ฝุ่น
  • วิเคราะห์อนุภาค

ALS Testing บริการวิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค บนชิ้นส่วนยานยนต์  มาตรฐาน VDA19/ ISO 16232 

( ภายใต้การรับรองมาตรฐาน ISO 17025)

ALS Testing เป็นบริการที่ให้การวัดขนาด นับ และวิเคราะห์ฝุ่นบนชิ้นส่วนยานยนต์ตามมาตรฐาน VDA19 และ ISO 16232-2018 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับการควบคุมคุณภาพและความสะอาดของชิ้นส่วนยานยนต์

ALS Testing ได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมในทุกการทดสอบตามมาตรฐาน VDA19 และ ISO 16232 ทำให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ การวิเคราะห์ฝุ่นไม่เพียงแต่ช่วยในการควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ยังช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ALS Testing จึงสามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงในการวัดขนาด นับ และวิเคราะห์ฝุ่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในตลาด

วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค
วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค
วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค
วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค

การทดสอบตามมาตรฐาน VDA19/ISO16232 โดย ALS ภายใต้การรับรองมาตรฐาน ISO 17025

ALS ได้รับการรับรองการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 16232 ภายใต้ขอบข่ายการรับรอง ISO 17025 ซึ่งครอบคลุมการดำเนินการทดสอบที่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง โดยการทดสอบตามมาตรฐาน VDA19/ISO16232 แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: การทดสอบ Decline (Validation of Extraction Parameters)

การทดสอบในขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันว่าพารามิเตอร์การสกัดอนุภาค (Particle Extraction Parameters) เหมาะสมกับชิ้นงานของลูกค้าหรือไม่ โดยมีแนวคิดดังนี้:

  1. นำชิ้นงานมาผ่านกระบวนการสกัด (Extraction Process) จากนั้นนำน้ำที่ได้จากการสกัดไปกรองผ่านแผ่นกรอง (Filter).
  2. แผ่นกรองที่ได้จะถูกนำไปวิเคราะห์ด้วยเครื่อง Particle Analyzer.
  3. ทำซ้ำกระบวนการดังกล่าวกับชิ้นงานเดิมจำนวน 6 ครั้ง เพื่อให้ได้แผ่นกรองทั้งหมด 6 ชิ้น.
  4. นำผลการทดสอบจากทั้ง 6 แผ่นกรองมาพล็อตกราฟเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐาน.

หากผลการทดสอบผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน VDA19/ISO16232 ขั้นตอนนี้จะถือว่าสำเร็จและสามารถดำเนินการทดสอบในขั้นตอนถัดไปได้.

ขั้นตอนที่ 2: การวิเคราะห์อนุภาค (Particle Analysis) 

การวิเคราะห์อนุภาคเป็นกระบวนการที่สำคัญในการศึกษาขนาด ปริมาณ ชนิดและคุณสมบัติอื่น ๆ ของอนุภาคในสารต่าง ๆ ซึ่งมีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรม 

ขั้นตอนนี้เป็นการนำชิ้นงานมาผ่านกระบวนการสกัดตามมาตรฐาน VDA19 โดยนำน้ำที่ผ่านการสกัดไปกรองผ่านแผ่นกรอง และนำแผ่นกรองไปวิเคราะห์ด้วยเครื่อง Particle Analyzer เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สำคัญดังต่อไปนี้:

  1. ปริมาณ (Quantity)
  2. ขนาด (Size)
  3. ชนิด (Type)

ผลการวิเคราะห์จะจำแนกอนุภาคออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่:

  • Metallic (โลหะ)
  • Non-Metallic (ไม่ใช่โลหะ)
  • Fiber (ไฟเบอร์)
วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค

การวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อระบุชนิดของอนุภาคที่ตรวจพบ สามารถดำเนินการดังนี้:

1.ในกรณีที่พบอนุภาคประเภท Metallic (โลหะ) และต้องการทราบองค์ประกอบธาตุ จะทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยเครื่อง SEM/EDX (Scanning Electron Microscope with Energy Dispersive X-ray Analysis).

การวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM) และการวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุด้วย EDX

หลักการทำงาน
Scanning Electron Microscopy (SEM) เป็นเทคนิคที่ใช้ลำแสงอิเล็กตรอนในการสแกนพื้นผิวของตัวอย่างเพื่อสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง สามารถแสดงรายละเอียดพื้นผิวและโครงสร้างของตัวอย่างในระดับไมโครเมตรได้อย่างชัดเจน
Energy Dispersive X-Ray Spectroscopy (EDX หรือ EDS) เป็นเครื่องมือที่ติดตั้งร่วมกับ SEM สำหรับการวิเคราะห์ธาตุในตัวอย่าง โดยตรวจจับลักษณะเฉพาะของรังสีเอกซ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างลำแสงอิเล็กตรอนกับธาตุต่าง ๆ ในตัวอย่าง

วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค

คุณสมบัติเด่นของ SEM/EDX

  1. การตรวจจับธาตุในระดับไมโครเมตร
    • ระบุองค์ประกอบทางเคมีของตัวอย่างในพื้นที่เฉพาะ
    • แสดงการกระจายตัวของธาตุในตัวอย่าง เช่น โลหะผสม หรือพื้นผิวที่มีการเคลือบ
  2. การตรวจสอบลักษณะโครงสร้างและพื้นผิว
    • ใช้วิเคราะห์ข้อบกพร่องในวัสดุ เช่น การแตกร้าว การสึกกร่อน หรือการเคลือบผิว
  3. การวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมี
    • ตรวจสอบความหนาของชั้นเคลือบและชั้นของโลหะที่แตกต่างกัน
    • วิเคราะห์ร่องรอยของการกัดกร่อนในโลหะ
วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค

การประยุกต์ใช้งาน

  1. การวิเคราะห์วัสดุ
    • ศึกษาองค์ประกอบของวัสดุ เช่น โลหะ เซรามิก หรือโพลิเมอร์
    • ตรวจสอบการกระจายตัวของธาตุในโลหะผสม
  2. การวิเคราะห์ฝุ่นและสิ่งสกปรก
    • ตรวจสอบองค์ประกอบของฝุ่นที่ตกค้างในกระบวนการผลิต
    • วิเคราะห์ฝุ่นที่มีโอกาสเกิดการระเบิด เพื่อประเมินความปลอดภัย
  3. การวิเคราะห์ปัญหาการผลิต
    • ตรวจสอบข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ เช่น รอยแตก การสึกกร่อน หรือความเสียหายจากการใช้งาน

ข้อดีของ SEM/EDX

  • ให้ข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุมทั้งในด้านโครงสร้างและองค์ประกอบของตัวอย่าง
  • รองรับการวิเคราะห์ตัวอย่างที่หลากหลาย
  • ใช้ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการแก้ปัญหาด้านการผลิต

2.สำหรับอนุภาคประเภท Non-Metallic (ไม่ใช่โลหะ) และ Fiber (ไฟเบอร์) ซึ่งอาจประกอบไปด้วยวัสดุจำพวกยาง พลาสติก หรือเส้นใยจากธรรมชาติ จะทำการวิเคราะห์ด้วยเครื่อง FTIR (Fourier Transform Infrared Spectroscopy).

หลักการทำงาน Fourier Transform Infrared Spectroscopy (FT-IR)

Fourier Transform Infrared Spectroscopy (FT-IR) เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์องค์ประกอบทางโครงสร้างเคมีของสาร โดยอาศัยคุณสมบัติการดูดกลืนแสงในช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรด ตัวอย่างสารจะดูดกลืนหรือส่งผ่านแสงอินฟราเรดในลักษณะเฉพาะ ซึ่งเปรียบเสมือน “ลายนิ้วมือ” ทางเคมีของวัสดุแต่ละชนิด

วิเคราะห์ฝุ่นหรืออนุภาค

ประเภทตัวอย่างที่สามารถวิเคราะห์ได้
FT-IR สามารถใช้งานกับตัวอย่างในสถานะต่าง ๆ เช่น

  • ของแข็ง: เช่น พลาสติก ยาง เส้นใยทั้งสังเคราะห์และธรรมชาติ
  • ของเหลว: เช่น น้ำยาทำความสะอาด สี น้ำมัน
  • ก๊าซ: ตัวอย่างที่อยู่ในรูปของไอระเหย

การประยุกต์ใช้งาน

  1. การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ:
    • ตรวจสอบชนิดของสาร เช่น โพลีเมอร์ เรซิ่น กาว และน้ำมัน
    • วิเคราะห์องค์ประกอบสารเคมีที่เป็นสิ่งเจือปนในผลิตภัณฑ์
  2. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ:
    • วัดปริมาณขององค์ประกอบทางเคมีในตัวอย่าง
    • ใช้ในการควบคุมคุณภาพและประเมินคุณสมบัติของวัสดุ

คุณสมบัติเด่นของ FT-IR

  • High Sensitivity MGT-A Detector: ช่วยให้ตรวจวัดได้อย่างแม่นยำ
  • Interchangeable Accessories: เช่น VATR, Liq-Cell, ZnSe Compression Cell รองรับการวิเคราะห์ตัวอย่างในสถานะที่แตกต่างกัน
  • Nicolet Nic-Plan Microscope: สำหรับวิเคราะห์ตัวอย่างขนาดเล็กที่มีปริมาณน้อยหรือเป็นสิ่งเจือปน

ตัวอย่างของวัสดุที่วิเคราะห์ด้วย FT-IR ได้

  • ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน: น้ำยาทำความสะอาด สี น้ำมัน กระดาษ กาว
  • วัสดุอุตสาหกรรม: โพลีเมอร์ เช่น อิพ็อกซี่ เรซิ่น พลาสติก และยาง
  • เส้นใย: ทั้งเส้นใยสังเคราะห์และเส้นใยธรรมชาติ

จุดเด่นของการวิเคราะห์ด้วย FT-IR

  • ใช้ตัวอย่างในปริมาณน้อย
  • ไม่ทำลายตัวอย่าง ทำให้สามารถนำไปวิเคราะห์ด้วยเทคนิคอื่นต่อได้
  • วิเคราะห์ได้รวดเร็วและแม่นยำ

การใช้งานในอุตสาหกรรม
ALS ปทุมธานี ให้บริการทดสอบ FT-IR ที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น

  • อุตสาหกรรมไอทีและซอฟต์แวร์
  • อิเล็กทรอนิกส์
  • ยานยนต์
  • โทรคมนาคม
  • อุตสาหกรรมพลาสติก

การวิเคราะห์อนุภาคมีประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจอย่างไร?

การวิเคราะห์อนุภาคมีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในหลายด้าน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการควบคุมคุณภาพในภาพรวมของอุตสาหกรรม ดังนี้

  1. การควบคุมคุณภาพ

การวิเคราะห์ขนาดและการกระจายของอนุภาคเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์ อาหาร เภสัชกรรม และเคมี การเข้าใจขนาดอนุภาคช่วยให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตและรับประกันว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงและตรงตามมาตรฐานที่กำหนด

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต

การวิเคราะห์อนุภาคช่วยให้สามารถติดตามและปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของขนาดและจำนวนอนุภาคในระหว่างกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมสภาวะการทำงานที่เหมาะสมเพื่อให้ได้อนุภาคที่มีคุณสมบัติตามต้องการอย่างสม่ำเสมอ

  1. ลดความล่าช้าและข้อผิดพลาด

การใช้เทคนิคการวิเคราะห์อนุภาคแบบออนไลน์ช่วยลดความล่าช้าและข้อผิดพลาดที่เกิดจากการสุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์แบบออฟไลน์ ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะของกระบวนการผลิตได้แบบเรียลไทม์ และทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

  1. สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา

ในด้านวิจัยและพัฒนา การวิเคราะห์อนุภาคช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจพฤติกรรมของวัสดุต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว

  1. ประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม

เทคนิคการวิเคราะห์อนุภาคถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การควบคุมคุณภาพของผงอาหารในอุตสาหกรรมอาหาร การควบคุมขนาดอนุภาคของยาในอุตสาหกรรมยาและเภสัชกรรม และอุตสาหกรรมเคมีที่ต้องมีการควบคุมขนาดของสารเคมีต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต เป็นต้น

  1. ลดต้นทุนในการผลิต

ด้วยการควบคุมคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การวิเคราะห์อนุภาคสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้ โดยลดจำนวนสินค้าชำรุดหรือไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิตได้มากขึ้น

  • บริษัท เอแอลเอส เทสติ้ง เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
  • : 34/13 หมู่ 15 ตำบล คลองสอง อำเภอ คลองหลวง จังหวัด ปทุมธานี 12120
  • : +66 (0) 2700 9665, +66 (0) 2700 9661, +66 (0) 2700 9662
  • : +66 (0) 2700 9660
  • : Pathumthani@Alsglobal.Com 
© Copyright Alstesting.co.,ltd. Limited All Rights Reserved Designed by Webdesignads.com
    • No translations available for this page
      • →
      • Call / โทร
      • Line / เพิ่มเพื่อน